โดยทั่วไปแล้วข้อความในเนื้อเรื่องจะมีความสำคัญต่างกัน ซึ่งเมเยอร์ (Meyer. 1979 : 109-110) ได้แบ่งเนื้อหาในเรื่องตามความสำคัญออกเป็น 3 ระดับ
1. ระดับยอด (Top Level) คือ ข้อความในส่วนที่เป็นตัวบรรยายสถานการณ์ หรือ ปัญหา ลำดับเหตุการณ์ หรือการกระทำของตัวละครในเนื้อเรื่อง รวมทั้งข้อความส่วนที่เป็นการสรุปหรือการแก้ปัญหา
2. ระดับกลาง (Middle Level) คือ การให้รายละเอียดสนับสนุนข้อความระดับยอด ดั้งนั้นข้อความระดับกลางจึงเป็นข้อความในส่วนที่อธิบายที่มาของเหตุการณ์ตามที่บรรยาย
3. ระดับล่าง (Bottom Level) คือ ส่วนที่เพิ่มเติมหรืออธิบายส่วนที่ไม่จำเป็นหรือเป็นข้อความที่สนับสนุนข้อความระดับกลาง
สำหรับความหมายของโครงสร้างระดับยอดนั้น บาร์ทเลท (Bartlette. 1979 : 6641-A) ได้ให้ความหมายว่าเป็นลักษณะการจัดเนื้อเรื่องของข้อความที่ต่อเนื่อง มีรูปแบบของการเรียบเรียงใจความสำคัญที่สุดของเรื่อง โดยมีลักษณะของข้อความที่ต่อเนื่องมีการจัดเรียบเรียงลำดับความสำคัญของเรื่อง และวางโครงร่างของสิ่งสัมพันธ์กันหรือเกี่ยวข้องกันจากายอดลงมา ซึ่งเทคนิคโครงสร้างระดับยอดนั้นทำให้มองเห็นแก่นของเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบของข้อความทั้งหมดของเรื่อง
โครงสร้างระดับยอดของงานเขียนทั่วไป
กระบวนการโครงสร้างระดับยอด (Top - level Structuring) คือ การจัดกระทำโดยเจตนา และแน่วแน่เพื่อการให้รายละเอียดของเนื้อเรื่องเหมาะสมกับโครงร่างของเนื้อเรื่องเพื่อที่จะจัดไว้ให้ ผู้อ่าน (Bartlett. 1986) เมื่อผู้อ่านนำความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของเรื่องมาช่วยในกระบวนการอ่านนั่นคือ กระบวนการโครงสร้างระดับยอด หรือการแสดงออกของความรู้ผู้อ่านต้องผลิตผลผลิตจากกระบวนการ สร้างโครงสร้างระดับยอด เช่น เกิดภาพในสมองถึงสิ่งที่อ่านไปแล้ว ระลึกเรื่องย่อๆ ได้หรือจำเนื้อหา จากเนื้อเรื่องได้ผลผลิตนี้ทำให้เกิดความทรงจำที่เป็นรากฐานติดแน่น เพราะว่ากระบวนการโครงสร้างระดับยอด ยิ่งผลผลิตโครงสร้างระดับยอด และรากฐานใกล้เคียงความเป็นจริงมากเท่าใด การเรียกคืน มาก ยิ่งเชื่อถือได้มาก
งานเขียนที่พบเห็นโดยทั่วไปมีลักษณะหรือรูปแบบการเขียนของผู้เขียนนั้นมีความ แตกต่างกัน ออกไป และจากสื่อที่พบเห็นกันในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ วารสาร นิตยสาร สื่อโฆษณา แบบเรียน หรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ สามารถจำแนกตามโครงสร้างระดับยอดของการเขียน ที่พบได้ทั่วไปในเรื่องชนิดต่างๆ กัน บาร์ทเลทท์ (Bartlett. 1985 : 88 – 91) ดังนี้คือ
1. การรวมกลุ่ม (Collection) เป็นการรวมกลุ่ม หรือเรียงลำดับความคิดหลักของเนื้อหา
ในตอนหนึ่ง ๆ เข้าด้วยกันเป็นกลุ่ม หมู่พวก หรือจัดเรียงลำดับเหตุการณ์เกิดขึ้นตามเนื้อเรื่อง คำไข เป็นกลุ่มรายการที่เรียงตามลำดับเวลาได้แก่ First, Second, Last in the year, at the end of, Early in late, Finally, After, Before, etc.
2. การพรรณนา (Description, or List) เป็นการรวบรวมความคิดหลักของรายการสิ่งที่เกิดขึ้น หรือสิ่งที่สืบเนื่องมาจากหัวเรื่อง เป็นตัวเชื่อมระหว่างตัวเรื่องและรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กับหัวเรื่อง คำไข ได้แก่ for example, such as, for instance, etc.
3. การเปรียบเทียบ (Comparison, Adversative, Contrast, or argument Plan) บ่งชี้ความคิดหลักในเนื้อหาแต่ละตอน เป็นลักษณะในรูปแบบการเปรียบเทียบหรือตรงกันข้ามกัน ชี้ให้เห็น ถึงองค์ประกอบหลักที่คล้ายคลึงกันหรือตรงกันข้าม เท่าหรือไม่เท่ากัน คำไข ได้แก่ same, too, instead of, however, in contrast, etc.
4. ปัญหา - การแก้ไข (Problem - Solution, Question-Answer, Query) ชี้ให้เห็น ความคิดของเนื้อหาถูกรวบรวมขึ้นเป็นรายละเอียด 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นตัวตอบสนองเหตุการณ์ที่เป็น ปัญหา อีกกลุ่มหนึ่งเป็นรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่มาก่อน – หลัง สถานการณ์ที่เป็นปัญหา คำไข ได้แก่ problem, question, need, to prevent, etc.
5. ความเป็นเหตุและผล (Causation, Cause - Effect, Antecedent-Consequent) ชี้ถึงความคิดหลักของเนื้อหา ที่ถูกจัดรวบรวมรายละเอียดเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นสถานการณ์ที่เป็น เหตุกลุ่มหลังเป็นสถานการณ์ที่เป็นผลมาจากกลุ่มแรก ทั้งสองกลุ่มเกี่ยวข้องกันโดยเวลาที่เกิดก่อน หลัง และเป็นเหตุเป็นผล หรือกึ่งเหตุผล คำไข ได้แก่ because, so, if, then, etc.
โครงสร้างระดับยอด เป็นยุทธวิธีการอ่านที่เกี่ยวข้องกับการรู้จักวิธีการจัดแนวทาง ผู้อ่าน จะเรียนรู้วิธีการค้นพบแผนการเขียน หรือโครงสร้างระดับยอด เพื่อเรียกรายละเอียดของเนื้อหาขึ้นมา และยังสามารถใช้วิธีนี้ช่วยค้นหาความตั้งใจของผู้เขียนเกี่ยวกับเนื้อหาและรวบรวมความคิดที่เกี่ยวพัน กันหลายๆ ความคิด โครงสร้างระดับยอดที่พบโดยทั่วๆ ไป ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การพรรณนา การเปรียบเทียบ ปัญหา – การแก้ไข และความเป็นเหตุเป็นผล ถ้าผู้เรียนมีโครงสร้างระดับยอดเหล่านี้เป็น พื้นฐานความรู้เดิม หรือประสบการณ์เดิม (Background Knowledge or Schemata) แล้ว ผู้เรียนสามารถเข้าใจเนื้อหาหรือเรื่องราวที่ใช้ในการสื่อสารไม่ว่าจะเป็น การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน และยังมีผลต่อการระลึกเรื่องราวได้อีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความคิดของแกรซเซอร์ (Grasser. 1984 : 29 – 32) ที่กล่าวว่า รูปแบบของการเรียบเรียงใจความสำคัญหรือโครงสร้างระดับยอดช่วย ผู้อ่านแปลความหมาย วินิจฉัยความ คาดการณ์ล่วงหน้า และมีความสนใจเรื่องที่อ่านทำให้ผู้อ่านมีภูมิหลังเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน ซึ่งเป็นเนื้อหาพิเศษที่ยากแก่การเข้าใจ และการจดจำ ดังนั้น การบอกชื่อ โครงสร้างระดับยอดที่ใช้ในการเรียบเรียงใจความสำคัญได้จึงมีความสำคัญในการอ่านและการสื่อ ภาษาทุกๆ ทักษะ
แม้นักการศึกษาหลายท่านจะแบ่งกลุ่ม หรือชนิดโครงสร้างระดับยอดเป็นกลุ่ม หรือชนิด แตกต่างกันบ้างในรายละเอียด แต่โดยใจความสำคัญก็ไม่แตกต่างกัน แต่โครงสร้างระดับยอดที่นิยมใช้กันอยู่ทั่วไปในนิตยสารการโฆษณา และแบบเรียนส่วนใหญ่นั้นแบ่งออกเป็น 4 ชนิด คือ
1. การเปรียบเทียบ (Comparison) คือ การชี้ให้เห็นความเหมือนกัน หรือแตกต่างกันของ หัวข้อ 2 หัวข้อหรือมากกว่าขึ้นไป โดยการนำใจความสำคัญของเรื่องมาวัด หรือเรียบเรียงในลักษณะ ของการเปรียบเทียบ หรือขัดแย้งกันในแง่รูปแบบ ความคิดเห็นหรือลักษณะการเปรียบเทียบ ซึ่งมีรูปแบบใหญ่ๆ อยู่ 3 รูปแบบ คือ
1.1 การเทียบแทน (Analogy) การเทียบแทนนี้ตามปกติจะอยู่ในรูปของไวยากรณ์as….as you are เป็นต้น
1.2 การให้ตัวเลือก (Alternative) ตัวเลือกหรือทางเลือกนี้จะเน้นหนักเท่าๆ กันแต่ เป็นไปในทางตรงกันข้าม
1.3 การแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้ง (Adversative) คือ การเสนอความเห็นที่ขัดแย้งหรือตรงข้าม แต่ผู้เขียนจะแสดงความโน้มเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งอย่างชัดเจน หรือแฝงไว้เป็นนัยๆ
2. การตอบสนอง (Response) การตอบสนองจะมี 2 ส่วน ส่วนที่เป็นการกระทำและส่วนที่เป็นการตอบสนองการกระทำ นั้นๆ ซึ่งจะทำให้ใจความสำคัญแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเช่นกัน การตอบสนองมี 3 รูปแบบ คือ
2.1 การกล่าวถึงและการยอมรับ (Address and Reply)
2.2 คำถามและคำตอบ (Question and Answer)
2.3 ปัญหาและการแก้ไข (Problem and Solution)
3. ความเป็นเหตุเป็นผล (Covariance) ความเป็นเหตุเป็นผลนี้แสดงความเป็นเหตุเป็นผลของเรื่อง ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์หนึ่ง เกิดขึ้นเพราะเป็นผลมาจากเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่ง ใจความสำคัญแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ส่วนที่เป็นเหตุและส่วนที่เป็นผลโครงสร้างระดับยอดที่สำคัญ คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน และผลที่ตามมา (Before and as Result) หรือเหตุ - ผล (Cause-Effect)
4. การบรรยาย (Description) คือ การบรรยายคุณสมบัตินั่นคือ การเรียบเรียงหรือจับ ใจความสำคัญเป็นหัวเรื่อง (Topic) และคุณสมบัติของหัวเรื่องนั้นๆ การบรรยายมีรูปแบบที่สำคัญอยู่ 2 ชนิด คือ
4.1 รายการ (List) คือ รายการของคุณสมบัติ (Attributes) ลักษณะเฉพาะ คำอธิบาย หรือการจัดกระทำ (Setting)
4.2 กลุ่มรายการ (Collection) คือ รายการที่แสดงให้เห็นว่าแนวคิดหรือเหตุการณ์นั้นๆ มีความสัมพันธ์รวมเป็นกลุ่มรายการโดยยึดหลักต่อไปนี้
4.2.1 เรียงลำดับเวลา (Time order)
4.2.2 เรียงตามลำดับระยะห่าง (Space order)
โครงสร้างระดับยอดเป็นยุทธวิธีการอ่านที่เกี่ยวข้องกับการรู้จักวิธีการจัด แนวทาง ผู้อ่านจะเรียนรู้การค้นพบแบบแผนการเขียน หรือโครงสร้างระดับยอดเพื่อเรียกรายละเอียด ของเนื้อหาขึ้นมา และยังสามารถใช้วิธีนี้ช่วยค้นหาความตั้งใจของผู้เขียนเกี่ยวกับเนื้อหา และรวบรวม ความคิดที่เกี่ยวเนื่องกันหลายๆ ความคิด โครงสร้างระดับยอดที่พบโดยทั่วไปในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การบรรยาย การเปรียบเทียบ ปัญหา -การแก้ไข และความเป็นเหตุเป็นผล ถ้าผู้เรียนมีโครงสร้างระดับ ยอดเหล่านี้เป็นพื้นฐานความรู้เดิมหรือประสบการณ์เดิม (Background Knowledge or Schemata) แล้ว ผู้เรียนจะสามารถเข้าใจเนื้อหา หรือเรื่องราวที่ใช้ในการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นการฟัง การพูด การ อ่าน หรือการเขียน และยังมีผลต่อการระลึกเรื่องราวได้อีกด้วย ดังนั้น การที่สามารถบอกชื่อรูปแบบ โครงสร้างระดับยอดที่ใช้ในการเรียบเรียงใจความสำคัญ จึงมีความสำคัญในการอ่าน
รูปแบบโครงสร้างระดับยอด 4 ชนิด ที่นิยมใช้มี ดังนี้คือ
1. รูปแบบที่บอกรายละเอียดหรือรายการ (Descriptive or Listing) คือ การเขียนที่อธิบาย หัวข้ออย่างกว้างๆ ก่อน และมีรายละเอียดที่สนับสนุนใจความสำคัญที่กล่าวไว้ในตอนต้น รายละเอียด นั้นอาจจะเป็นข้อเท็จจริง ความคิดเห็น ขั้นตอนของกระบวนการหรือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับเวลา คำชี้แนะที่บ่งบอกลักษณะของรูปแบบการเขียนนี้ได้แก่
2. รูปแบบที่เป็นปัญหาและการแก้ไข (Problem – Solution) ลักษณะของรูปแบบการเขียนเป็นการเขียนที่แสดงปัญหา และวิธีการแก้ไข โดยรวมเอา โครงสร้างข้อเขียนที่เป็นสาเหตุเข้าไว้ด้วยกัน คือ กล่าวถึงสาเหตุของปัญหา และหลังจากนั้นผู้เขียนก็ เสนอวิธีแก้ไข (Solution Set)
4. รูปแบบที่เป็นการเขียนเปรียบเทียบ (Comparison - Contrast) รูปแบบการเขียนเปรียบเทียบมี 2 รูปแบบคือ เปรียบเทียบความเหมือน (Comparison) และ เปรียบเทียบความแตกต่างๆ (Contrast)
ในการเขียนข้อความเปรียบเทียบนั้น บางครั้งผู้เขียนจะเขียนเปรียบเทียบความเหมือน และความแตกต่างอยู่ในย่อหน้าเดียวกันผู้อ่านจะต้องทราบว่าผู้เขียนกำลังเปรียบเทียบสิ่งใด
254 ความคิดเห็น:
1 – 200 จาก 254 ใหม่กว่า› ใหม่ที่สุด»814_39_50
342_20_50
342_04_50
342_16_50
342_05_50
342_30_50
342_33_50
342_25_50
342_22_50
342_14_50
342_31_50
342_12_50
342_07_50
342_13_50
342_08_50
342_34_50
342_23_50
342_26_50
342_29_50
342_28_50
342_26_50
342_10_50
342_09_50
342_36_50
712_29_50
712_40_50
712_34_50
712_39_50
712_19_50
712_36_50
712_32_50
712_33_50
712_21_50
712_11_50
712_14_50
712_38_50
712_27_50
712_14_50
712_13_50
712_30_50
712_24_50
712_31_50
712_7_50
712_08_50
712_28_50
712_01_50
342_38_50
342_27_50
342_37_50
711_07_50
นางสาวนัฏฐา ประสิทธิพยงค์ ม.4 ห้อง711 เลขที่7
711_06_50
นส.นภัส สิริวรการวณิชย์ ม.4/711 เลขที่ 6
711_32_50
342_02_50
342_21_50
342_02_50
342_40_50
342_01_50
342_39_50
342_24_50
342_20_50
342_35_50
342_34_50
712_18_50
712_18_50
712_16_50
711_32_50
711_02_50
711_01_50
711_19_50
711_14_50
711_13_50
711_25_50
711_03_50
711_40_50
711_38_50
711_24_50
711_23_50
711_26_50
711_04_50
711_09_50
711_36_50
711_36_50
711_35_50
815_10_50
815_21_50
815_14_50
815_12_50
815_02_50
815_09_50
815_16_50
815_07_50
815_08_50
815_30_50
815_05_50
815_31_50
815_33_50
815_23_50
815_35_50
815_28_50
815_38_50
815_37_50
815_36_50
815_36_50
815_39_50
342_24_50
342_18_50
342_32_50
342_40_50
712_09_50
712_24_50
712_37_50
712_04_50
712_18_50
711_16_50
711_12_50
711_22_50
711_32_50
711_39_50
นาย ณัฐภัทร เทพเสรี 711 เลขที่ 30
เสร็จแล้วครับ
http://nuttoday.blogspot.com/
711_07_50
711_21_50
711_06_50
712_23_50
814_9_50
712_32_50
712_25_50
712_21_50
814_37_50
342_11_50
342_06_50
342_15_50
342_19_50
814_11_50
814_18_50
815_22_50
815_40_50
815_28_50
815_11_50
815_01_50
815_04_50
815_32_50
blog หลักครับ 8152550.blogspot.com
711_17_50
814_02_50
814_31_50
814_15_50
http://mayutan.blogspot.com
814 เลขที่ 21 2550
814_06_50
814_27_50
814_15_50
814_19_50
814_38_50
kawin sutiluk
814_23_50
814_7_50
814_12_50
814_12_50
814_24_50
814_28_50
814_22_50
814_16_50
814_08_50
814_5_50
711_20_50
712_05_50
712_02_50
712_17_50
342_33_50
712_10_50
712_02_50
ส่งงาน sum ค่ะ ... 342_02_50
"จุฑามนัส ปิยะดิษฐ์"
711_23_50
711_11_50
815_34_50
815_11_50
815_11_50
815_31_50
ส่งงาน sum 342_12_50
ปัญญ์ชุลี ประสาททอง
นส.ไอลดา เบ็ญจลักษณ์ เลขที่ 25 ห้อง342
ทำ blog เสร็จแล้วค่ะ
342_13_50 blog เสร็จแล้วค่า
342_11_50 ทำblogเสร็จแล้วค่ะ
342_06_50 ทำblogเสดแล้วค่ะ
342_15_50 ทำblogเสดแล้วค่ะ
ส่งงานsum น.ส.ภคพร ตรียะวรางพันธ์ ม.4/342 เลขที่ 16
น.ส.นิรชา จันทน์วิมล ห้อง 342 เลขที่ 10
ทำ blog เสร็จแล้วค่ะ
เสร็จแล้วค่ะ 342_04_50
342_32_50
342_26_50
342_03_50
342_17_50 ทำ blog เสร็จ
แล้วค่ะ
342_17_50
JETIYA JANuary 814_03_50
711_10_50
น.ส.ปรียนันท์ อภินันท์วงศ์
ม.4/711 เลขที่ 10
แสดงความคิดเห็น